Pages

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Webcam



เว็บแคม คืออะไร ? 

เว็บแคม (Webcam) หรือ ชื่อเรียกเต็มๆว่า Web Camera แต่ในบางครั้งก็มีคนเรียกว่า Video Camera หรือ Video Conference ก็แล้วแค่ความเข้าใจแต่ละคน เว็บแคมเป็นอุปกรณ์อินพุตที่ สามารถจับภาพเคลื่อนไหวของเราไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และสามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อให้คนอีกฟากหนึ่งสามารถเห็นตัวเราเคลื่อนไหว ได้เหมือนอยู่ต่อหน้า ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อีกตัวหนึ่ง และเริ่มมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ



ประเภทของเว็บแคม 
อุปกรณ์อย่างกล้องเว็บแคมไม่ใช่ว่าจะเหมือนกันหมดทุกตัว แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อจะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นและออกแบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างไร ซึ่งสามารถแบบประเภทของเว็บแคมได้ดังนี้ 

แบ่งตามรูปทรงของกล้อง 
โดยปกติกล้องเว็บแคมส่วนใหญ่จะเป็นทรงกลม เนื่องจากเป็นรูปทรงต้นแบบที่ทำกันมานานและก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่านี้คืออุปกรณ์ เว็บแคม แต่ไม่จำเป็นที่กล้องเว็บแคมต้องเป็นทรงกลมเสมอไป 
เพราะบางครั้ง กล้องเว็บแคม ก็จำเป็นต้องมีรูปทรงอื่นๆ เพื่อให้เข้ากับการใช้งานในบางลักษณะ ดังนั้น การเลือกรูปทรงให้เหมาะสมนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเรามากกว่า

แบ่งตามประเภทของขาตั้งกล้อง 
โดยส่วนใหญ่ลักษณะของฐานตั้งกล้องจะเป็นแบบตั้งพื้นเสียส่วนใหญ่ โดยแบบแรก คือแบบมีขาสำหรับวางบนพื้น อาจจะมีขา 3 ขา หรือ 4 ขา ก็แล้วแต่การออกแบบ แต่ฐานแบบ 3 ขา จะมี ปัญหาตรงที่ วางแล้วยังไม่มั่นคงดีนัก และไม่สามารถหมุนตัวกล้องได้สะดวกนัด ดังนั้น ถ้าต้องการเว็บแคมที่มีฐานมั่นคงและสามารถหมุนได้ง่ายๆ ก็ต้องเลือกแบบฐานทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ วางได้มั่นคงและยังสามารถหมุนแกน ของตัวกล้องได้ไม่จำเป็นต้องยกตัวกล้องหมุนไปมาให้เสียเวลา

แบ่งตามชนิดของเซ็นเซอร์ 
สำหรับเซ็นเซอร์ที่กล้องเว็บแคมใช้นั้นจะมีหลักๆอยู่ 2 ชนิด คือ CCD และ CMOS แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ CMOS เนื่องจากเหตุผลหลายๆประการและตัวเซ็นเซอร์ แบบ CMOS เองก็สามารถแบบออกได้ถึง 2 ชนิดด้วยกันคือ 
CLF Color CMOS Censor ที่มีความละเอียดของพิกเซลแค่ 110,000 พิกเซล ( 367 x 291 ) เท่านั้น ในขณะที่ VGA Color CMOS Censor ให้ความละเอียดที่สูงกว่าที่ 350,000พิกเซล ( 655 x 493 ) ดังนั้น เวลาเลือกซื้อกล้องเว็บแคมก็ดูได้ทั้งความละเอียดที่ระบุไว้ หรือชนิดของ CMOS สำหรับเซ็นเซอร์แบบ CCD จะเป็นเซ็นเซอร์ที่นิยมใช้ในกล้องดิจิตอล เพราะให้ความ 
ละเอียดที่สูงกว่าและก็มี noise ไม่มากเหมือนกับเซ็นเซอร์แบบ CMOS 

แบ่งตามรูปแบบการเชื่อมต่อ 
สำหรับการเชื่อมต่อของกล้องเว็บแคมในปัจจุบันส่วนใหญ่ จะเป็นอินเทอร์เฟซแบบ USB แทบทั้งสิ้นโดย USB ที่ใช้ก็จะเป็นเวอร์ชัน 1.1 เสียส่วนมาก แต่ก็จะมีเวอร์ชัน 2.0 ในบางรุ่นกล้องเว็บแคมแบบไร้สายจะใช้การเชื่อมต่อในแบบ WiFi หรือ Wireless lan นั่นเองทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงสายให้วุ่นวาย แต่เว็บแคมที่เป็น Wireless ตอนนี้ก็ยังมีราคาค่อนข้างแพงอยู่ 

การเลือกซื้อกล้องเว็บแคม 
ขั้นตอนแรกเราต้องรู้ว่าจะนำกล้องเว็บแคม มาใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใด ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กก็ต้องเป็นกล้องเว็บแคม
ขนาดเล็กกะทัดรัด และสามารถติดตั้งบนจอแอลซีดีของโน้ตบุ๊กได้ แต่ถ้าใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปก็ แนะนำรุ่นที่มี
ขาตั้งที่มั่นคงสามารถวางบนจอมอนิเตอร์

เมื่อเลือกรูปแบบของกล้องได้แล้ว ก็มาเลือกตามคุณสมบัติภายในของกล้องเว็บแคมโดยเลือกจากชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้กับภาพ โดยจะมีให้เลือกเป็น CMOS ในแบบ CIF และ VGA ซึ่งแนะนำว่าเป็นแบบ VGA จะให้ความละเอียดที่สูงกว่า หรือถ้าต้องการความละเอียดที่มากกว่านี้ ก็เลือกเซ็นเซอร์แบบ CCD จะดีกว่าแต่ทั้งนี้ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้น ตามชนิดของเซ็นเซอร์ และ
ความละเอียดของตัวกล้องเว็บแคม






ประโยชน์ของ Webcam

o  ทำให้ผู้ที่พิการสามารถสนทนาออนไลน์ได้เหมือนผู้ที่มีร่างกายปกติทั่วไป 
     ซึ่งโปรแกรม Webcam ก็มีห้องสนทนาสำหรับผู้พิการโดยเฉพาะ

o  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรง 
     ผู้ใช้งานสามารถพูดคุยกับสมาชิกจากประเทศต่างๆได้ทั่วโลก

o  พูดคุยสนทนากับเพื่อนๆได้อย่าง real time โดยสามารถพูดคุยกันโดยใช้ตัวหนังสือ 
     หรือผ่านทางไมโครโฟน และกล้องเว็บแคมก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วทันที

o  สามารถศึกษาความรู้ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเฉพาะด้านต่างๆ 
     เช่น สอนทำการบ้าน สอนซ่อมคอมพิวเตอร์ หรือสอนเล่นกีต้าร์ เป็นต้น

o  บริษัทต่างๆสามารถใช้ในการประชุมแบบ Video Conference เพื่อความสะดวก รวดเร็ว

o  โปรแกรมสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นการสนทนาผ่านกล้อง Webcam 
     ก็ตามไม่ทำให้เครื่องช้าหรือดาวน์โหลดนานแต่อย่างใด

o  ถึงจะไม่มีไมโครโฟนหรือกล้องเว็บแคมก็สามารถเล่น Webcam ได้


ข้อเสียของ Webcam

       
    เสียสายตาถ้าเล่นมาก ๆ เป็นเวลานาน ๆ 
    อาจเสียชื่อเสียง หากมีภาพส่วนตัวหลุดออกไปสู่สาธารณชน
   เสียเวลาในการทำงานที่มีประโยชน์มากกว่า
   เสียค่าไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
   เสียอารมณ์หากไม่ได้ตามที่ต้องการ
   ทำให้เป็นคนเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดง่าย







4 ความคิดเห็น: